การปลูกข้าวแบบ SRI สำหรับเกษตรกรรายย่อย | ||||||||||||||||||||||||
ระบบการผลิตข้าวแบบ SRI หรือ System of rice intensification ได้รับการพัฒนาโดยบาทหลวง Fr. Henri de Laulanie ในขณะที่ทำงานเพื่อปรับปรุงผลผลิตข้าวในประเทศมาดากัสการ์ระหว่างปี 2504 - 38 (Uphoff, 2002) ระบบดังกล่าวนี้เน้นหลักการจัดการสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงานขององค์ประกอบต่างๆ ของต้นข้าวให้เกิดการ เกื้อหนุนซึ่งกันและกันจนแสดงออกซึ่งศักยภาพอย่างเต็มที่ ในทางปฏิบัติคือ ย้ายปลูกกล้าข้าวที่อายุ 8 - 10 วัน (ระยะ 2 ใบ) ให้รากได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยใช้ความหนาแน่น 1 ต้นต่อหลุม ที่ระยะตั้งแต่ 25 x 25 ถึง 40 x 40 ซม. ควบคุมการให้น้ำแบบสลับแห้งและเปียก ตั้งแต่ระยะย้ายปลูก จนถึงก่อนออกรวง และปล่อยน้ำท่วมขังที่ระดับ 2 ซม. | ||||||||||||||||||||||||
หลังต้นข้าวออกรวงจนถึงกระทั่ง
14 วันก่อนเก็บเกี่ยว จึงปล่อยน้ำทิ้ง กำจัดวัชพืชด้วยแรงคนโดยถูกลบวัชพืชระหว่างแถวข้าวด้วย
"จอบหมุน" ประมาณ 10 วันหลังย้ายปลูก และทุก 10 วัน ประมาณ 3 ครั้ง
ตามความจำเป็น งานวิจัยในหลายประเทศได้แสดงให้เห็นว่า ผลผลิตข้าวโดยวิธี SRI
เฉลี่ย 6.8 ตัน/เฮกตาร์ และกลุ่มที่ให้ผลผลิตสูง เฉลี่ย 10.5 ตัน/เฮกตาร์ ในขณะที่วิธีการแบบเดิมให้ผลผลิตเฉลี่ย
3.9 ตัน/เฮกตาร์ (http://ciifad.cornell.edu/sri/)
|
||||||||||||||||||||||||
ความเป็นประโยชน์ของ SRI ในระบบข้าวของภาคเหนือตอนบน | ||||||||||||||||||||||||
เหมาะสมสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก | ||||||||||||||||||||||||
เหมาะสมสำหรับระบบเกษตรผสมผสานที่มีข้าวเป็นพืชหลัก | ||||||||||||||||||||||||
เพิ่มผลผลิตข้าวในพื้นที่สูง เพื่อลดการขาดแคลน | ||||||||||||||||||||||||
เหมาะสมสำหรับแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์คัด และพันธุ์หลัก | ||||||||||||||||||||||||
........................................................................................................... | ||||||||||||||||||||||||
งานทดลองที่ดำเนินการเพื่อปรับใช้วิธีการ SRI ในสถานีทดลองศูนย์วิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตทางเกษตร และในพื้นที่เกษตรกรประกอบด้วย | ||||||||||||||||||||||||
ฤดูแล้ง (กุมภาพันธ์ - มิถุนายน 2544) ใช้พันธุ์ข้าว 5 พันธุ์ ได้แก่ ข้าวเหนียวสันป่าตอง1 หอมสกลนคร และพันธุ์ข้าวเจ้าหอมนิล หอมสุพรรณ และมะลิแดง ภายใต้การจัดการแบบ SRI และแบบปกติ เนื่องจากต้นกล้าเจริญเติบโตช้าภายใต้อุณหภูมิต่ำ กล้าข้าวที่ระยะ 2 ใบพร้อมย้ายปลูกได้มีอายุ 17 วันในระบบ SRI และอายุ 34 วันในระบบปกติ โดยใช้ระยะปลูก 25 x 25 ซม. | ||||||||||||||||||||||||
ฤดูฝน (กรกฎาคม - พฤศจิกายน 2544) ดำเนินการทดลองทั้งในสถานีทดลองและในพื้นที่เกษตรกร ในสถานีทดลองได้ดำเนินการภายใต้มีปุ๋ยพืชสด (โสนอัฟริกัน และปอเทือง) โดยมีพันธุ์ข้าวประกอบด้วย หอมสุพรรณ หอมนิล และหอมสกล นอกจากนี้ได้ดำเนินการเปรียบเทียบวิธีการ SRI และวิธีการปกติในกลุ่มพันธุ์ข้าวเหนียว (กข 6 หอมสกลนคร สันป่าตอง 1) และกลุ่มพันธุ์ข้าวเจ้า (ขาวดอกมะลิ 105 ปทุมธานี 1 และหอมสุพรรณ) เนื่องจากผลการศึกษาในฤดูแล้ง 2544 กล้าอ่อนให้ผลผลิตสูงกว่ากล้าอายุแก่ ในฤดูฝนจึงใช้กล้าอายุ 10 วันทั้งในวิธีการ SRI และวิธีปกติ ส่วนการจัดเขตกรรม เช่น การจัดการธาตุอาหาร และการกำจัดศัตรูพืชได้ดำเนินการปกติในทั้งสองวิธีการ | ||||||||||||||||||||||||
สำหรับในพื้นที่เกษตรกร ได้มีเกษตรกรที่อำเภอแม่แตง และสันทรายร่วมทดลองหลังจากได้มาเยี่ยมชมแปลงทดลองในสถานีในฤดูแล้ง 2544 โดยใช้พันธุ์ข้าว กข 6 และขาวดอกมะลิ 105 | ||||||||||||||||||||||||
ฤดูแล้ง (มกราคม - พฤษภาคม 2545) ได้ดำเนินงานทดลองในสถานีโดยใช้พันธุ์ หอมนิล K58 มะลิแดง และหอมสุพรรณ โดยใช้กล้าอายุ 10 วันสำหรับ SRI และกล้าอายุ 20 วันสำหรับวิธีการปกติ | ||||||||||||||||||||||||
ได้จัดทำแปลงสาธิตและปรับการให้น้ำวิธี SRI ใช้พันธุ์ข้าวหอมสุพรรณ และใช้กล้าอายุ 13 วันทั้งสองวิธีการ โดยทำการปลูก 12 เมษายน 2545 | ||||||||||||||||||||||||
นอกจากนี้ได้ปี 2546 ได้ทำการทดลองฤดูฝน โดยใช้กล้าอายุ 14 วันปลูกเดือน กรกฏาคม 2546 ใน สถานีทดลองศูนย์วิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตทางเกษตร พันธุ์กข 6 และพนธุ์สันป่าตอง 1 | ||||||||||||||||||||||||
งานทดลองในพื้นที่เกษตรกรบ้านนาเกลือ ต. นาเกลือ อ. ฝาง จ. เชียงใหม่ |
||||||||||||||||||||||||
ผลการทดลอง | ||||||||||||||||||||||||
ในฤดูแล้ง 2544 ผลผลิตข้าวโดยวิธีการ SRI เฉลี่ย 4.35 ตัน/เฮกตาร์ ในขณะที่วิธีการปกติเฉลี่ย 4.81 ตัน/เฮกตาร์ (ตารางที่ 1) แต่วิธีการ SRI ใช้น้ำเพียงร้อยละ 30 ของวิธีการปกติในระหว่างช่วงย้ายปลูกถึงระยะเริ่มออกรวง การใช้กล้าอายุอ่อน (17 วัน) ให้ผลผลิตเฉลี่ย 4.76 ตัน/เฮกตาร์ สูงกว่ากล้าอายุแก่ (34 วัน) ซึ่งเฉลี่ย 4.39 ตัน/เฮกตาร์ พันธุ์ข้าวหอมสุพรรณจัดการแบบ SRI ให้ผลผลิตสูงกว่าวิธีการปกติชัดเจนกว่าพันธุ์ข้าวอื่น โดยภาพรวมวิธีการแบบ SRI ไม่ได้แสดงความได้เปรียบด้านผลผลิตต่อวิธีการปกติในฤดูแล้ง 2544
โดยภาพรวมแล้ว วิธีการ SRI ที่ดำเนินการทดสอบโดยศูนย์วิจัย ฯ ไม่ให้ผลผลิตสูงกว่าวิธีการปกติ โดยเฉพาะผลผลิตในฤดูฝน SRI จะให้ผลผลิตต่ำกว่าวิธีการปกติมาก เนื่องจากถูกผลกระทบอย่างรุนแรงของวัชพืช การย้ายปลูกกล้าอ่อนในแปลงที่ทำเทือกแบบนาหว่านน้ำตามจะช่วยให้มีการยึดรากข้าวได้ดีกว่าแปลงที่มีน้ำท่วมขังดังที่มักปฏิบัติกันในวิธีการปกติ
การใช้กล้าอ่อน 1 ต้นต่อหลุมให้การเจริญเติบโตและผลผลิตไม่ด้อยไปกว่าการใช้กล้าแก่
ซึ่งวิธีการใช้กล้าอ่อน 1ต้นต่อหลุม ต่อมาได้มีเกษตรกรใน อ.แม่แตงได้นำไปปฏิบัติใน
แปลงขยายเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งทำให้การคัดทิ้งต้นปลอมปนทำได้สะดวกขึ้น ความแปรปรวนของผลผลิตเกิดจากการควบคุมน้ำในแปลง
SRI ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ |
||||||||||||||||||||||||
ข้อมูลสนับสนุนการปลูกข้าวแบบ SRI | ||||||||||||||||||||||||
ประชุมเชิงปฏิบัติการการปลูกข้าวแบบปราณีต (SRI) | ||||||||||||||||||||||||
เครือข่ายระบบการปลูกข้าว SRI | ||||||||||||||||||||||||
ผลงานวิจัยข้าว SRI | ||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
(กลับเกษตรที่ลุ่ม) :( เกษตรยั่งยืน) :( หน้าหลัก) |