|
|
์ทำไมต้องปลูกข้าวแบบประณีต
? |
|
|
|
ระบบการปลูกข้าวแบบประณีตหรือระบบการปลูกข้าวแบบประหยัดน้ำมีการพัฒนามาจากหลักการของบาทหลวงชาวฝรั่งเศสชื่อ
Fr. Henri de Laulanieโดยมีหลักว่าข้าวไม่ใช่พืชน้ำ หากมีการปลูกข้าวแบบไม่ขังน้ำศักยภาพการเจริญของข้าวจะดีกว่าการปลูกข้าวแบบที่มีน้ำขัง
โดยใช้กล้าข้าวอายุน้อยกว่า 15 วัน เพื่อลดการกระทบกระเทือนต่อระบบราก ปลูกระยะห่างที่พอเหมาะกับการเจริญเพื่อให้ข้าวแตกกอได้เต็มที่ในดินที่อุดมสมบูรณ์สนับสนุนต่อการเจริญเติบโตของข้าวเพื่อให้ได้ผลผลิตข้าวมากที่สุด |
|
|
|
หลักการปฏิบัติ
|
|
ใช้ต้นกล้าอ่อน
อายุไม่เกิน 15 วัน ปลูกแบบเส้นเดียว หรือ หนึ่งต้นต่อหลุม ปลูกโดยไม่มีการขังน้ำ
มีการให้น้ำแบบ แห้งเปียกจนกระทั่งออกรวงจึงมีการขัง
น้ำเพียงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ข้าวขาดน้ำ จัดการไม่ให้วัชพืชขึ้นแข่งขันกับข้าว
อย่างสม่ำเสมอการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน
|
|
ประโยชน์
|
|
|
ผลผลิตสูงเนื่องจากข้าวแตกกอดี
+ ประหยัดน้ำ
+ ประหยัดการใช้เมล็ดพันธุ์
+ ลดค่าใช้จ่ายและปัจจัยการผลิต
+ ภายนอก
+ ลดพื้นที่การเพาะปลูก
+ ลดปัญหาการเกิดแก๊สมีเทนในนาข้าว
+ ระบบรากข้าวแข็งแรง |
|
|
|
|
ปัญหาที่พบ
|
|
|
+
ต้องการแรงงานที่ใช้ในการปักดำ
จัดการหญ้ามากกว่าระบบการ
+ ผลิตแบบปกติ
+ ต้องการการจัดการน้ำที่ดี
+ มีวัชพืชมาก
+ ต้องการทักษะในการปลูก
|
|
|
|
ความเป็นประโยชน์ของการปลูกข้าวแบบประณีตในระบบข้าว
ของภาคเหนือตอนบนคือ เหมาะสมสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก เหมาะสมสำหรับระบบเกษตรผสมผสานที่มีข้าวเป็นพืชหลัก
เพิ่มผลผลิตข้าวในพื้นที่สูงเพื่อลดการขาดแคลน เหมาะสมสำหรับแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์คัด
และพันธุ์หลัก |
|
|
|
ผลผลิตข้าวในระบบการปลูกข้าวแบบประณีต(สีม่วง) และแบบดั้งเดิม (สีน้ำเงิน) |
|
|
|
|
|
จากรายงานของ
17 ประเทศ ในที่ประชุมระบบการปลูกข้าวแบบประณีต (SYSTEM OF RICE INTENSIFICATION)ณ
เกาะไหหลำ ประเทศจีน ปี 2545 พบว่าปริมาณผลผลิตข้าว ที่ปลูกในระบบการปลูกข้าวแบบประณีต(เส้นบน)
ให้ผลผลิตเฉลี่ยมากกว่าระบบการปลูกข้าวแบบดั้งเดิม(เส้นล่าง)
|
|
|
|
งานทดลองเพื่อปรับใช้ระบบการปลูกข้าวแบบประณีตในสถานีทดลองของ
ศูนย์วิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตทางเกษตร ปี 2545เป็นดังนี้ การปรับใช้วิธีการปลูกข้าวแบบประณีตในการปลูกข้าวสําหรับเกษตรกรรายย?อย
ผลผลิตเฉลี่ยข้าวเจ้าภายใต้การจัดการแบบประณีตและแบบปกติ สถานีทดลองของศูนย์วิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
มกราคม พฤษภาคม 2545
|
|
|
|
|
|
|
พันธุ์ข้าว |
แบบปกติ |
แบบประณีต |
|
หอมนิล
|
3.24 |
1.79 |
|
.K
58 |
50 |
1.25 |
|
มะลิแดง
|
5.09 |
2.59 |
|
หอมสุพรรณ |
4.40 |
3.00 |
|
เฉลี่ย |
4.06 |
2.16 |
|
|
หมายเหตุ
กล้าข้าวแบบประณีต = 14 วัน และกล้าข้าวปกติ = 20 วัน |
|
|
ผลผลิตเฉลี่ย
(ตัน/เฮกตาร์) ของข้าวเจ้าหอมสุพรรณ ภายใต้ระบบการปลูกข้าวแบบประณีต และวิธีการปกติ
สถานีทดลอง ศวพก. เมษายน สิงหาคม 2545
|
|
พันธุ์ข้าว |
แบบปกติ |
แบบประณีต |
|
หอมสุพรรณ
|
3.64
|
3.99 |
|
|
โดยภาพรวมแล้ว
ระบบการปลูกข้าวแบบประณีตที่ดำเนินการทดสอบโดยศูนย์วิจัย ฯ ไม่ให้ผลผลิตสูงกว่าวิธีการปกติ
เนื่องจากถูกผลกระทบอย่างรุนแรงของวัชพืช และการระบาดของไส้เดือนฝอยด้วย |
|
ตัวอย่าง
เกษตรกรที่ทดลองปลูกข้าวแบบประณีต เปรียบเทียบกับแบบดั้งเดิมที่บ้านเด่น ตำบลแม่เกิ๋ง
อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ (ข้อมูลจากสถาบันแมคเคนฯ) |
|
|
กิจกรรม |
แบบดั่งเดิม |
แบบเอสอาร์ไอ |
|
|
|
|
|
วิธีการ |
ต้นทุน (บาท) |
วิธีการ |
ต้นทุน (บาท) |
|
|
|
|
|
การเตรียมดิน |
ไถดะและคราด |
400 |
ไถดะและคราด |
400 |
|
|
|
|
|
เมล็ดพันธุ์ |
10
กก./ไร่ |
100 |
1
กก./ไร่ |
10 |
|
|
|
|
|
ถอนกล้า |
2/คน/
วัน/ไร่ |
200 |
2/คน/
วัน/ไร่ |
200 |
|
|
|
|
|
แยกกล้า |
2/คน/
วัน/ไร่ |
200 |
2/คน/
วัน/ไร่ |
200 |
|
|
|
|
|
ปลูก |
8-10
ต้น/หลุม |
200 |
1
ต้น/หลุม |
200 |
|
|
|
|
|
อายุกล้า |
25-35
วัน |
|
0,15,20,30,40
วัน |
|
|
|
|
|
|
การจัดการน้ำ |
น้ำขัง-ปล่อยออก |
|
น้ำขัง-ปล่อยออก |
|
|
|
|
|
|
การจัดการปู-หอย |
ยาพ่น/
ปลูกซ่อม |
100 |
ยาพ่น/
ปลูกซ่อม |
100 |
|
|
|
|
|
ปุ๋ย |
ใส่ปุ๋ยเฉลี่ย |
100 |
ใส่ปุ๋ยเฉลี่ย |
100 |
|
|
|
|
|
|
ใช้ยาคุม |
100 |
ใช้ยาคุม |
200 |
|
|
|
|
|
รวม |
|
1400 |
|
1410 |
|
|
|
|
|
จำนวนหน่อเฉลี่ย |
12
หน่อ |
|
20-25
หน่อ |
|
|
|
|
|
|
|
ข้อสังเกต |
|
+
ข้าวจะมีประสิทธิภาพในการแตกกอดี เมื่อปักดำด้วยกล้าอายุน้อยกว่า 15 วัน
+ การปักดำข้าวแบบ 1 ต้นต่อหลุม จะช่วยในการแตกกอของข้าวเนื่องจาก
+ ไม่มีการแข่งขันกันระหว่างต้น
+ ในบางพื้นที่ที่ปลูกกล้าซิมแบบเส้นเดียว พบว่าแตกกอได้มากกว่า 20 หน่อต่อกอ
+ การขังน้ำไว้ในแปลงจะทำให้ดินอิ่มตัวด้วยน้ำ แม้วัชพืชไม่มาก แต่รากข้าว
+ แตกแขนงน้อย และแผ่ขยายได้ไม่ดี
+ การปล่อยให้นาข้าวแห้งบ้างมีผลดีต่อการเจริญเติบโตของข้าว
+ ระบบการปลูกข้าวแบบประณีตอาจมีวัชพืชมาก และการจัดการยาก จึงควรรีบ
+ จัดการวัชพืชแต่เนิ่นๆ
|
:รวบรวมและจัดทำโดย |
ลิขิต
พลยศ นักศึกษาปริญาโท ภาควิชาพืชไร่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
พฤกษ์
ยิบมันตะสิริ ภาควิชาพืชไร่ และศูนย์วิจัยเพื่อเพิ่มผลผลิตทางเกษตร คณะเกษตรศษสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
|